วรรณกรรมเรื่องสั้น • เสียงหัวใจที่ไม่มีใครได้ยิน

 


แสงตะวันค่อยๆลับขอบฟ้าลงเรื่อย ๆ ในช่วงฤดูหนาวมันทำให้ผู้คนส่วนใหญ่ต่างกลับที่พักกันในช่วงเย็น เพราะคงจะไม่อินกับการมานั่งดูพระอาทิตย์ตกดินในสวนสาธารณะใจกลางเมืองในฤดูที่หนาวเย็นแบบนี้

 ในมุมเล็กๆของสวนสาธารณะที่ไม่ค่อยมีใครเข้ามานั่งเล่นกันถึงแม้จะมีที่นั่งสำหรับผู้คนที่ผ่านไปมาก็ตาม มีเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งคิมุระที่มักจะมาใช้เวลาในช่วงเย็นไปกับการนั่งอ่านหนังสือในมุมเล็ก ๆ ของสวนสาธารณะแห่งนี้

 สายตาของเขาที่จดจ่อกับตัวอักษรที่อยู่ในหนังสืออยู่ในโลกที่ถูกสร้างขึ้นในพื้นที่ของตัวเอง บางครั้งการต้องยอมรับความจริงในชีวิตจริงมันดูโหดหลายสำหรับเขาถึงจะมีใครเคยพูดแบบนั้นก็เถอะแต่เขาก็มีความสุขดีกับคอมฟอร์ทโซน

 มือหนาของคิมุระค่อยๆเลื่อนมาจับดวงตาทั้งสองข้างที่พยายามหลับตาลงเพราะความเหนื่อยล้าจากการอ่านหนังสือเป็นเวลานานๆ

 เขาค่อยๆลืมตาและมองสิ่งรอบข้างที่มีสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าและสิ่งแวดล้อมที่สวยงามเผื่อจะช่วยให้เขาได้สบายตามากขึ้น

 สายตาของเขาที่มองไปรอบๆกายกลับไปสดุดตากับผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอ่านหนังสือในฝั่งตรงข้ามห่างแค่เพียงไม่กี่เมตร สายตาของเธอที่จดจ่อกับตัวอักษรที่อยู่ในหนังสือโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขายังแอบมองเธออยู่ ไม่คิดว่าจะมีใครมานั่งอ่านหนังสือในช่วงเย็นฤดูที่หนาวเหมือนกันกับเขา

 แต่เขาเองก็กลับสงสัยว่าเธอพึ่งจะมาที่นี่หรือเป็นเขาเองที่พึ่งจะสังเกตุเห็นเธอ เพราะปกติเขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อยเพราะเมื่อเขาเข้าไปอยู่ในโลกแห่งตัวหนังสือต่อให้ผู้คนมายืนอยู่ตรงหน้าเขาก็คงมองไม่เห็น

 รอยยิ้มเล็กๆของเธอค่อยๆเผยให้เห็นบนใบหน้าที่จับจ้องไปที่หนังสือที่เธออ่านราวกับว่าเธอมีความสุขและอินกับเนื้อเรื่องในหนังสือเล่มนั้นโดยไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งกำลังแอบมองเธออยู่ไม่ห่างด้วยความเอ็นดู รอยยิ้มนั้นทำให้เขาพลอยยิ้มตามเธอไปด้วยโดยไม่รู้ตัว

 สิ่งที่เขาคิดมาเสมอว่าชีวิตจริงมันดูโหดร้ายสำหรับเขามาตลอดเบื่อกับผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตทั้งช่วงเวลาทำงานและสังคมรอบข้างที่ทำให้ความสุขในชีวิตของเขามันลดน้อยลง

 เพราะในการใช้เวลากับหนังสือหลังเลิกงานในพื้นที่ของตัวเองมันมีความสุขมากๆสำหรับเขา แต่เพราะอะไรเขาถึงต้องยิ้มให้กับผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้ที่เธอเองก็อาจจะไม่ได้สนใจกับสิ่งรอบข้างเหมือนกันกับเขาเช่นกัน

 คิมุระกลับมาโฟกัสหนังสือที่ตัวเองอ่านในบทถัดไปพร้อมรอยยิ้มที่ยังคงมีอยู่บนใบหน้า ก่อนที่พระอาทิตย์จะเริ่มลับขอบฟ้าลงเรื่อย ๆ และมืดลงในที่สุด

 สายตาของเขาที่ค่อยๆหันไปมองเธออีกครั้ง แต่เธอตอนนี้ไม่อยู่แล้ว เธอคงจะกลับไปแล้วเพราะท้องฟ้าเริ่มที่จะมืดลงคงไม่มีใครที่จะนั่งอ่านหนังสือในบรรยากาศที่มืดค่ำแบบนี้

 ...

 วันต่อมาเธอคนนั้นยังคงมานั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมเดิมในช่วงเวลาเดิมเหมือนกันกับเขาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่มุมตรงข้ามเธอ เขาไม่ได้สังเกตุว่าเธอเข้ามาตอนไหนแต่เธออาจจะมาก่อนเขาก็ได้

 ทุกๆวันเขายังคงเห็นเธอที่มุมเดิมกับหนังสือเล่มเดิมไม่เคยเปลี่ยน รอยยิ้มของเธอยังเผยให้เห็นบนใบหน้าทุกๆวันพลอยทำให้เขารู้สึกมีความสุขที่ได้เห็นใครสักคนที่มีหลงไหลในตัวอักษรเหมือนกันกับเขา

 แต่เย็นวันนี้ทุกอย่างกลับไม่เป็นเหมือนเดิม รอยยิ้มที่เคยเห็นบนดวงหน้าเธอกลับเปลี่ยนเป็นความเศร้า

 มือเล็กๆของเธอค่อยๆพลิกหน้ากระดาษหนังสือไปยังหน้าถัดไปพร้อมน้ำตาของเธอค่อยๆไหลลงมาที่แก้มทั้งสองข้างพลอยทำให้เขารู้สึกเศร้าไปกับเธอด้วย เป็นเพราะหนังสือที่เธออ่านหรือเป็นเพราะตัวเธอเองมีเรื่องทุกข์ใจบางอย่างที่พยายามเก็บซ่อนมันไว้หรือเปล่า

 คิมุระตัดสินใจจะเข้าไปทำความรู้จักเธอสักครั้ง ถ้าเธอเศร้าเสียใจร้องไห้เพราะหนังสือที่เธออ่านแปลว่าเธอคงอินกับเนื้อหาที่อยู่ในนั้นแต่ถ้าเธอเศร้าเพราะมีเรื่องที่ทุกข์ใจส่วนตัว บางทีเธออาจจะต้องการใครสักคนที่สามารถรับฟังปัญหาของเธอได้

 คิมุระค่อยๆเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเธอพร้อมรอยยิ้มของเขาที่ส่งให้ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าหวังว่าเธอคงจะไม่ว่าอะไรถ้าเขาจะขอนั่งเป็นเพื่อนเธอ

 ร่างแกร่งของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าพร้อมรอยยิ้มของเขาที่ส่งมาให้เธอมันน่าอายที่เธอจะต้องให้คนอื่นมาเห็นน้ำตาที่ยังคงหลงเหลือที่สองข้างแก้มบางๆของเธอ ได้แค่คิดว่าเขาคงจะเข้าใจว่าเธอเสียน้ำตาให้กับตัวอักษรที่อยู่บนหนังสือเล่มโปรดของเธอ

 “ขอโทษนะครับ...ถ้าไม่ว่าอะไร ผมขอนั่งด้วยคนนะครับ?”

 ร่างเล็กที่ยังคงแหงนมองใบหน้าผู้ชายที่ยื่นอยู่ตรงหน้าพร้อมหนังสือของเขาที่ถืออยู่ในมือข้างซ้ายบ่งบอกว่าเขาคงมีความชอบที่เหมือนกันกับเธอ เธอได้แค่ส่งรอยยิ้มเล็กๆกลับไปบ่งบอกว่าอนุญาตให้เขานั่งข้างๆเธอได้ผ่านแววตาคู่นั้น

 คิมุระนั่งลงข้างๆเธอพร้อมกับเว้นระยะห่างของพื้นที่เพื่อให้เธอไม่อึดอัดเขาจนเกินไป แต่นั่นกลับเป็นเขาเองที่เกร็งเธอมากเกินไป ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยมีโอกาสได้เข้ามาพูดคุยกับเธอด้วยซ้ำทำได้แค่เพียงแอบมองเธอในมุมๆหนึ่งเท่านั้น...

 “ว่าแต่...คุณชื่ออะไรหรอครับ?”

 สายตาของเธอค่อยๆหันมามองเขาและส่งยิ้มให้เขาจางๆพร้อมกับหยิบปากกาและสมุดโน้ตเล่มเล็กๆของเธอมาเขียนอะไรสักอย่างโดยที่เขาก็ยังคงมองเธออยู่ไม่ห่างด้วยความสงสัย

 สมุดโน้ตเล่มเล็กที่เขียนด้วยปากกาถูกยื่นมาให้คิมุระอ่านทำให้รู้ว่าเธอชื่อนามิจัง ทันทีที่เขาทำสีหน้าที่แปลกใจในตัวเธอนามิจังกลับเขียนข้อความเพิ่มเติมให้เขาอ่าน ทำให้เขารู้ว่าเธอ ไม่สามารถพูดได้

 หลังจากที่เขาได้อ่านข้อความของเธอแล้ว เธอก็ทำได้เพียงหันหน้ากลับไปอ่านหนังสือของเธอต่อ แม้เขาจะตกใจนิดหน่อยแต่เขาเองไม่ได้มองเธอเป็นตัวประหลาดหรือไม่อยากที่จะพูดคุยกับเธอ แต่ถ้าเขาชวนเธอคุยอีก เธอก็คงต้องละหนังสือที่อยู่ในมือและมาเขียนที่สมุดโน้ตของเธออีกแน่นอน..

 “ผมชื่อคิมุระนะครับ”

 รอยยิ้มเล็กๆนั้นยังคงถูกส่งมาให้เขา แต่ครั้งนี้เขากลับรู้สึกว่ารอยยิ้มที่อยู่บนดวงหน้าเธอแฝงไปด้วยความเศร้าที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้ไม่อยากให้ใครได้รับรู้ความเศร้าของเธอ

 เขาค่อยๆมองที่เธออีกครั้งที่ตอนนี้เธอยังคงจดจ่อกับหนังสือที่อยู่ในมือจนเขากลับสดุดตากับหนังสือที่เธออ่าน ‘แสงสว่างในความมืด’

หนังสือที่เกี่ยวกับการเผชิญกับปัญหาในชีวิต ความล้มเหลว ความไม่สมหวัง ความมืดมิด

 ตอนนี้เขาเริ่มเข้าใจมากขึ้นแล้วว่าสิ่งที่โหดร้ายที่สุดในชีวิตคือการเผชิญหน้ากับปัญหานั้นๆ แต่ไม่ใช่เลยถ้าเราเองไม่ยอมเปิดใจให้กับสิ่งรอบข้างที่สวยงามเช่นนี้ถึงแม้อาจจะมีเรื่องที่โหดร้ายบ้างแต่สักวันเราจะพบใครคนหนึ่งที่สามารถนำพาเราออกจากฝันร้ายนั้นได้

 “คุณนามิจังจะว่าอะไรไหม...ถ้าผมจะขอมานั่งเป็นเพื่อนคุณนามิจังตลอด?”


แสดงความคิดเห็น

ใหม่กว่า เก่ากว่า